Saturday, July 25, 2009

เรื่องสิวๆ ของสาวๆ

วิธีการรักษาสิว พยาธิกำเนิด โดย ลดการอุดตันของต่อมไขมันและเชื้อแบคทีเรีย แต่ก่อนอื่นต้องเข้าใจว่า การรักษาไม่สามารถจะรักษาสิวให้หายอย่างรวดเร็วทันใจภายใน 1 วันได้ การรักษาจะพอเห็นผลดีขึ้นบ้าง อย่างน้อยภายใน 2-4 สัปดาห์ ซึ่งถ้าได้รับการรักษาที่เหมาะสมก็สามารถป้องกัน การเกิดรอยแผลเป็นและหลุมสิวได้อีกด้วยวิธีการรักษาสิว- 1... รักษาด้วยยาทาภายนอก- 2... รักษาด้วยยาชนิดรับประทาน- 3... รักษาด้วยวิธีทางกายภาพ- 4... รักษาด้วยเลเซอร์หลักเกณฑ์ในการรักษาสิว ค่อนข้างจะตรงไปตรงมา ตาม1... ยาทาภายนอก ...เป็นวิธีการรักษาที่ค่อนข้างปลอดภัย กรณีที่เป็นสิวชนิดไม่รุนแรงหรือไม่มีการอักเสบ มักจะใช้ยาทาภายนอก อาจจะใช้ชนิดเดียวหรือหลายชนิดร่วมกัน ดังนี้--- Benzoyl peroxide เช่น BP, Benzac, Panoxyl, Brevoxyl ,...
มีทั้งชนิดครีมหรือเจล 2.5% 5% 10% ใช้ทาก่อนล้างหน้า 5-15 นาที
หน้าที่- ช่วยลดการอักเสบ ลดปริมาณไขมันใต้ผิวหนัง และฆ่าเชื้อแบคทีเรีย
ยานี้จะทำให้ผิวหนังลอกหลุดเร็วขึ้น ทำให้ปริมาณหัวสิวลดลงได้ข้อด้อย หรือ ข้อเสีย- ระคายเคือง ผิวแห้ง ลอกเป็นขุย : ในระยะแรกของการใช้ยาควรจะเริ่มใช้ยาในขนาดความเข็มข้นต่ำๆ ทาระยะเวลาสั้นแล้วล้างออก เมื่อผิวหนังทนต่อยาจึงเพิ่มความเข้มข้น และทาไว้นานขึ้นได้- ใช้เวลาในการรักษานาน หลังทา2-3 สัปดาห์อาการสิวจะดีขึ้น--- สารลอกผิว เช่น salicylic acid, AHA, BHA หรือ กรดผลไม้ชนิดต่างๆ
มีหลากหลายรูปแบบ เช่น ครีม เจล โลชั่น ครีมล้างหน้า ใช้วันละ 2 ครั้งหน้าที่
- ช่วยเร่งการหลุดลอกของผิวหนัง และ หัวสิว สามารถใช้ในการรักษาสิวที่ไม่รุนแรง แต่ไม่ได้ช่วยในการฆ่าเชื้อแบคทีเรีย หรือลดการสร้างไขมันข้อด้อย หรือ ข้อเสีย- ระคายเคือง ผิวลอกเป็นขุย : เมื่อใช้ความเข้มข้นสูงๆ- หน้าบางลง : เมื่อใช้ความเข้นข้นที่สูง เป็นเวลานานๆ- ด่างขาว, เส้นเลือดผิดปกติ, หน้าแดงและบาง : เนื่องจากในสารลอกผิวมีการผสมสารบางอย่างเช่น สเตียรอยด์ โฮโดรควิโนน ร่วมด้วย--- ยาทาปฏิชีวนะ หรือ ยาฆ่าเชื้อ เช่น CM ,Clindamycin,Erythromycin,...
มีหลายรูปแบบ ทั้ง โลชั่น เจล ครีม ใช้ทาวันละ 2 ครั้งหลังล้างหน้าหน้าที่- ฆ่าเชื้อแบคทีเรียเป็นหลัก ทำให้การอักเสบลดลง จำนวนสิวลดลง
- เมื่อใช้ร่วมกับ Benzoyl peroxide จะทำให้ได้ผลดีมากขึ้นข้อด้อย หรือ ข้อเสีย- การทายาบ่อยๆไม่ได้ช่วยให้สิวหายเร็วขึ้น กลับกันจะทำให้สิวแย่ลง เนื่องจากการระคายเคือง- อาจมีอาการแพ้ได้- ใช้เวลาในการรักษานาน อาจจะต้องใช้เวลาหลายสัปดาห์จนถึงหลายเดือน- ยากลุ่มนี้ถ้าใช้ต่อไปนาน ๆ จะทำให้เชื้อแบคทีเรียดื้อต่อยาได้--- ยาทาเรตินอยด์ ( อนุพันธ์ของกรดวิตามินเอ ) เช่น Tretinoin, Isotretinoin, Adapalene, ...
มีหลายรูปแบบ เช่น เจล ครีม และหลายความเข้มข้น ใช้ทาวันละครั้งก่อนนอน เนื่องจากสารเรตินอยด์สลายตัว เมื่อโดนแสงแดดหน้าที่- ช่วยเพิ่มการลอกตัวของผิวหนัง ลดปริมาณไขมัน และลดการอักเสบ แต่ไม่ได้ฆ่าเชื้อแบคทีเรีย
** ใช้รักษาสิวอุดตันได้ดีข้อด้อย หรือ ข้อเสีย- ระคายเคืองต่อผิวหนัง ทำให้สิวอาจแย่ลง หลังใช้ยา 3-4 สัปดาห์แรก ก่อนที่จะดีขึ้นภายหลัง- ระวังการใช้ยาในหญิงตั้งครรภ์2... ยาชนิดรับประทาน ...เนื่องจากประสิทธิภาพของยาทาค่อนข้างจำกัด จึงใช้ได้ในผู้ที่เป็นสิวไม่รุนแรงนัก ดังนั้นในกรณีที่เป็นสิวค่อนข้างมาก และรุนแรง จำเป็นต้องใช้ยาชนิดรับประทานร่วมด้วย เพื่อให้ได้ผลการรักษาที่รวดเร็วและมีประสิทธิภาพมากขึ้น--- ยาปฏิชีวนะ หรือ ยาฆ่าเชื้อ เช่น Ampicillin, Doxycycline, Erythromycin, Bactrimใช้ในกรณีที่มีการอักเสบของสิว เป็นสิวค่อนข้างมาก และการใช้ยาควรอยู่ภายใต้การดูแลของแพทย์ เนื่องจากอาจมีอาการแพ้ยา เชื้อดื้อยา และ ผลข้างเคียงต่างๆ ได้ ที่สำคัญคือ ยาฆ่าเชื้อแต่ละชนิด ใช้ปริมาณยาไม่เท่ากันในแต่ละคน ระยะเวลาที่ใช้ก็แตกต่างกัน*** ควรปฏิบัติตามคำสั่งแพทย์อย่างเคร่งครัด ไม่ควรรับประทานยาติดต่อกันเป็นเวลานานๆ หรือซื้อยารับประทานเองหน้าที่- ฆ่าเชื้อแบคทีเรียเป็นหลัก ทำให้การอักเสบลดลง จำนวนสิวลดลง
ข้อด้อย หรือ ข้อเสีย- ผมร่วง- คลื่นไส้ อาเจียน- ผื่นคัน ผื่นแพ้ยา หรือ อาจรุนแรงถึงแก่ชีวิตได้- ตับอักเสบ- ตกขาว เนื่องจากเป็นเชื้อราในช่องคลอด- ในปัจจุบันมีการซื้อยาปฏิชีวนะใช้เอง จึงเกิดปัญหาเชื้อดื้อยา ทำให้การรักษาสิวยากมากขึ้น--- ยารับประทานเรตินอยด์ (กรดวิตามินเอ) หรือ Roaccutaneเป็นยาที่ให้ผลดีมากในการรักษาสิวอักเสบรุนแรง ใช้รักษาสิวชนิดดื้อต่อการรักษาชนิดอื่น แต่มีผลข้างเคียงมาก ดังนั้นการใช้ยาต้องควบคุมสั่งจ่ายโดยแพทย์เท่านั้น*** ควรปฏิบัติตามคำสั่งแพทย์อย่างเคร่งครัด ไม่ควรรับประทานยาติดต่อกันเป็นเวลานานๆ หรือ ซื้อยารับประทานเองหน้าที่
- ลดการอักเสบ ลดปริมาณและขนาดต่อมไขมัน และเพิ่มการลอกตัวของผิวหนังข้อด้อย หรือ ข้อเสีย- ราคาค่อนข้างสูง- ปากแห้ง ผิวหนังแห้ง ริมฝีปากแห้งแตก ตาแห้งตาโดยเฉพาะในคนที่ใส่ Contact Lens- ผมร่วง เล็บเปราะปวดกล้ามเนื้อ- ไขมันในเลือดสูง- เกิดอาการซึมเศร้า
- โรคตับอักเสบ** ผลข้างเคียงของยาจะสัมพันธ์โดยตรงกับปริมาณของ ยา คือ ยิ่งใช้ยาในปริมาณสูงก็ยิ่งมีผลข้างเคียงที่กล่าว มาแล้วมากขึ้น รุนแรงขึ้น- ห้ามใช้ในหญิงตั้งครรภ์ ถ้าจะตั้งครรภ์หยุดยาอย่างน้อย 1 เดือน เนื่องจากอาจก่อให้เกิดความพิการของทารกในครรภ์หรือแท้ง ได้** มีความเชื่อว่าหากกินยาครบตามกำหนด จะไม่เป็นสิวอีกเลย ซึ่งปัจจุบันพบว่าหลังได้ยาครบกำหนด ก็สามารถเป็นสิวใหม่ได้ แต่จะลดลงเท่านั้น--- ยาฮอร์โมน หรือ ยาคุมกำเนิด (อันนี้คนจะกินบ่อยมากมาย)เลือกใช้ในผู้หญิงที่มีปัญหาการสร้างฮอร์โมนผิดปกติ สังเกตได้จาก มีขนมาก ประจำเดือนผิดปกติ มีสิวมากร่วมกับ อ้วนผิดปกติ
หน้าที่
- ยับยั้งการสร้างฮอร์โมนแอนโดรเจน ซึ่งมีผล ลดปัจจัยกระตุ้นการผลิตไขมันจากต่อมไขมันข้อด้อย หรือ ข้อเสีย- น้ำหนักเพิ่ม- เป็นฝ้า- คลื่นไส้ อาเจียน- คัดตึงเต้านม มะเร็งเต้านม- ห้ามคนที่มีประวัติเป็น ไมเกรน หรือมีการอุดตันของเส้นเลือด เนื่องจากอาจมีการอุดตันของเส้นเลือดในบริเวณอวัยวะสำคัญ ซึ่งมีอันตรายถึงชีวิตได้- ใช้ในเพศชาย อาจมีปัญหาทำให้ฮอร์โมนเพศผิดปกติได้- ใช้เวลาในการรักษานาน 2-3เดือน จะพบว่าได้ผลดี3... วิธีทางกายภาพ ...--- การกดสิว ใช้รักษาสิวอุดตันแบบชนิดหัวเปิด(สิวหัวดำ) ไม่ใช้รักษาสิวอักเสบ เนื่องจากทำให้สิวมีการอักเสบมากขึ้นได้ หัวสิวบางจุดหายได้ทันที เป็นวิธีรักษาที่รวดเร็วทันใจแต่ก็มีผลข้างเคียงมากข้อด้อย หรือ ข้อเสีย- รอยแดง, หลุมสิว ;ไม่ว่าการกดสิวจะทำโดยใคร ก็ไม่สามารถการันตีว่า การอักเสบ,รอยแผลเป็น และหลุมสิวจะไม่เกิดขึ้น ดังนั้นการรักษาสิวมีหลายวิธี ไม่ควรเลือกวิธีที่ก่อให้เกิดปัญหา ซึ่งต้องมาตามแก้ไขในภายหลัง- รอยดำ ชัดเจน มีรอยอยู่นานเป็นปี หากไม่ได้รับการรักษาที่เหมาะสม- เกิดเป็นสิวซีสต์ : จากการบีบทำลายโพรงขน ทำให้โพรงขนเปลี่ยนแปลง การเกิดสิวจึงผิดแปลกไป ทั้งขนาดใหญ่และลึกกว่าเดิม เป็นสิวซีสต์ที่รักษายากขึ้น--- การฉีดสเตอรอยด์ใต้หัวสิวการใช้ยาสเตอรอยด์ ฉีดเข้าไปใน ตำแหน่งที่อักเสบนั้น จะทำให้การอักเสบของสิวลดลงอย่างรวดเร็ว แต่สิวอุดตันในตำแหน่งนั้นไม่ได้หายไป และสเตอรอยด์เอง ก็สามารถทำ ให้เกิดสิวอุดตันใหม่ขึ้นมาได้อีกข้อพึงระวัง คือ การฉีดยาลึกเกินไปหรือปริมาณยามากเกินไป ทำให้ผิวหนังบริเวณนั้นเกิดการฝ่อ ยุบตัวเป็นหลุม หรือ รอยแดง มากขึ้นได้ข้อด้อย หรือ ข้อเสีย- หลุมสิว : เนื่องจากการยุบตัวของผิวหนัง- เกิดสิวซ้ำๆ, สิวซีสต์ : จากที่โพรงขนถูกทำลาย ทำให้เกิดสิวขึ้นที่เดิม โดยครั้งใหม่จะเป็นสิวที่ผิดปกติจากเดิม จะสังเกตได้ว่า สิวจะมีขนาดใหญ่และลึก เป็นลักษณะซีสต์ การรักษาก็จะยากขึ้น- ผิวหน้าบาง- เส้นเลือดผิดปกติ- มีเลือดออก , เจ็บตัว และอาจเกิดการติดเชื้อมากขึ้น- อาจเกิดรอยด่างในบริเวณฉีดยาซึ่ง อาจอยู่เป็นสัปดาห์หรือ เป็นเดือน4... เลเซอร์ ...เนื่องจากปัจจุบัน การรักษาสิวได้มีการพัฒนาเทคโนโลยี และผลิตเครื่องมือที่ปลอดภัย มีประสิทธิภาพสูงในการรักษา เพื่อช่วยลดการใช้ยา หรือ ลดผลข้างเคียงจากการใช้ยาลงหลักการ คือ-ปล่อยช่วงคลื่นแสงจำเพาะ ไปลดหรือทำลายต่อมไขมันใต้ผิวหนัง โดยจะมีผลเฉพาะผิวหนังบริเวณที่ทำการรักษาเท่านั้น เช่น Smooth Beam (Diode Laser) นอกจากช่วยในการทำลายต่อมไขมันแล้ว ยังช่วยกระตุ้นหรือเพิ่มการสร้างคอลลาเจนใต้ผิวหนัง ช่วยให้รอยแผลเป็นสิว และ หลุมสิวดีขึ้นอีกด้วยข้อด้อย และ ข้อเสีย- ยังมีราคาค่อนข้างสูง- เลเซอร์ที่เหมาะสมในการรักษาสิว ยังมีจำนวนน้อย และ ต้องอาศัยแพทย์ที่มีประสบการณ์สูง- มีการโฆษณาเกินจริงเกี่ยวกับการรักษาด้วยIPL(ไม่ใช่เลเซอร์) ทำให้มีการเข้าใจไม่ถูกต้องเกี่ยวกับเลเซอร์และIPL อยู่มาก
*** ควรพิจารณา การรักษาแต่ละชนิดด้วยตัวเอง ว่าเหมาะสมหรือไม่เพียงไร ก่อนการตัดสินใจรักษา ***
จากเว็ป
http://mayskin.blogspot.com/2008/01/blog-post_6247.html
จากคุณปาริชาต เจนเจริญพันธ์

No comments:

Post a Comment